ถ้าไม่เปลี่ยน Mindset ผลงานเชิงกลยุทธ์ไม่เกิด
Strategic Performance - 24
#อยากได้ผลงานก้าวกระโดดอย่าเปลี่ยนแค่เครื่องมือ
#แต่ต้องเปลี่ยนแนวคิดMindsetครั้งใหญ่
........................
ผู้นำองค์กรลองประเมินตัวเองดูว่า
ทำไมองค์กรเราทำ KPI มาหลายปี
แต่ผลงานก็อยู่กับที่ขึ้นๆลงๆ
ลองคิดเล่นๆว่า
#ถ้าKPIเรื่องผลิตได้ตามแผน
เราจะสู้คู่แข่งได้อย่างไร
#ถ้าKPIจัดส่งคือส่งสินค้าได้ครบถูกทัน
เราจะสู้คู่แข่งของเราได้อย่างไร
#ถ้าเราแค่ปิดบัญชีทันเวลาทุกปี
เราจะทำให้ผู้ถือหุ้นดีใจตรงไหน
#ถ้าKPIฝ่ายขายได้ตามเป้าในแต่ละปี
เราจะทำให้กำไรเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนได้อย่างไร
#ถ้าKPIฝ่ายซ่อมบำรุงคือเครื่องจักรเบรคดาวน์ลดลง
เราจะไปแข่งกับคู่แข่งได้อย่างไร
#ถ้าKPIฝ่ายคิวเอคือจำนวนข้อร้องเรียน
เราจะผลิตสินค้าที่มีมาตรฐานระดับโลกไปแข่งกับคนอื่นได้อย่างไร
#ถ้าKPIของคลังสินค้าคือStockVarianceStockTurnOver
เราจะไปแข่งกับคู่แข่งได้อย่างไร
สรุปง่ายๆว่าเราทำ KPI ไปตอบเรื่องการประเมินงานประจำปีให้สามารถวัดได้ชัดเจน ดีกว่าการใช้ดุลยพินิจแค่นั้นเองเหรอ
แล้วองค์กรจะเติบโต ก้าวหน้า และยั่งยืนไปได้อย่างไร
สิ่งที่องค์กรขาดคือ
#ขาดระบบการคิดการวางแผนการตั้งเป้าหมายเชิงกลยุทธ์จริงๆ
พอจะตั้งเป้าหมายให้ก้าวกระโดดคนทำงานตั้งแต่ระดับบริหารก็กระโดดโลดเต้นก่อนเลยว่า มันทำไม่ได้ มันยาก (จริงๆเขากลัวตก KPI มากกว่ามั๊งครับ)
องค์กรมีแต่ระบบการประเมินผลงานไม่ใช่ระบบการบริหารผลงานเชิงกลยุทธ์
ถ้าเป็นระบบการบริหารผลงานเชิงกลยุทธ์จริงๆ องค์กรต้องตั้งเป้าตอบโจทย์ผู้ถือหุ้น ตอบความฝันขององค์กร ตอบคู่แข่งขันในตลาด ตอบกระแสโลกก่อน โดยไม่ต้องไปสนใจว่าระบบการประเมินงานประจำปีจะเป็นอย่างไร
เมื่อทำระบบการบริหารผลงานเชิงกลยุทธ์เสร็จแล้ว ใช่แล้ว ก็ค่อยมาคิดต่อว่าจะนำไปเชื่อมต่อกับระบบการประเมินผลงานประจำปีได้อย่างไร ถ้าคนในปฏิเสธทั้งเป้าและผลตอบแทน ก็เอาเป้านั้นไปตั้งบริษัทใหม่ ไปให้คนนอกทำ ไปหา partner ทำก็ได้ คนในก็ทำไปตามงานประจำ ผลตอบแทนก็ได้แค่นั้น
นี่คือจุดหนึ่งที่ผมคิดว่าถ้าเราอยากจะทำให้องค์กรเปลี่ยนจากการบริหารงานประจำไปสู่การบริหารงานเชิงกลยุทธ์ องค์กรต้องทำระบบการบริหารงานกลยุทธ์จริงๆขึ้นมาอีกหนึ่งชั้นที่ไม่ใช่ระบบการประเมินผลงานประจำปีที่เริ่มต้นที่กำหนดเป้าหมายองค์กรกันตามปกติประเพณีปฏิบัติ
ณรงค์วิทย์ แสนทอง
#StrategicPerformanceConsultant
#อยากได้ผลงานก้าวกระโดดอย่าเปลี่ยนแค่เครื่องมือ
#แต่ต้องเปลี่ยนแนวคิดMindsetครั้งใหญ่
........................
ผู้นำองค์กรลองประเมินตัวเองดูว่า
ทำไมองค์กรเราทำ KPI มาหลายปี
แต่ผลงานก็อยู่กับที่ขึ้นๆลงๆ
ลองคิดเล่นๆว่า
#ถ้าKPIเรื่องผลิตได้ตามแผน
เราจะสู้คู่แข่งได้อย่างไร
#ถ้าKPIจัดส่งคือส่งสินค้าได้ครบถูกทัน
เราจะสู้คู่แข่งของเราได้อย่างไร
#ถ้าเราแค่ปิดบัญชีทันเวลาทุกปี
เราจะทำให้ผู้ถือหุ้นดีใจตรงไหน
#ถ้าKPIฝ่ายขายได้ตามเป้าในแต่ละปี
เราจะทำให้กำไรเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนได้อย่างไร
#ถ้าKPIฝ่ายซ่อมบำรุงคือเครื่องจักรเบรคดาวน์ลดลง
เราจะไปแข่งกับคู่แข่งได้อย่างไร
#ถ้าKPIฝ่ายคิวเอคือจำนวนข้อร้องเรียน
เราจะผลิตสินค้าที่มีมาตรฐานระดับโลกไปแข่งกับคนอื่นได้อย่างไร
#ถ้าKPIของคลังสินค้าคือStockVarianceStockTurnOver
เราจะไปแข่งกับคู่แข่งได้อย่างไร
สรุปง่ายๆว่าเราทำ KPI ไปตอบเรื่องการประเมินงานประจำปีให้สามารถวัดได้ชัดเจน ดีกว่าการใช้ดุลยพินิจแค่นั้นเองเหรอ
แล้วองค์กรจะเติบโต ก้าวหน้า และยั่งยืนไปได้อย่างไร
สิ่งที่องค์กรขาดคือ
#ขาดระบบการคิดการวางแผนการตั้งเป้าหมายเชิงกลยุทธ์จริงๆ
พอจะตั้งเป้าหมายให้ก้าวกระโดดคนทำงานตั้งแต่ระดับบริหารก็กระโดดโลดเต้นก่อนเลยว่า มันทำไม่ได้ มันยาก (จริงๆเขากลัวตก KPI มากกว่ามั๊งครับ)
องค์กรมีแต่ระบบการประเมินผลงานไม่ใช่ระบบการบริหารผลงานเชิงกลยุทธ์
ถ้าเป็นระบบการบริหารผลงานเชิงกลยุทธ์จริงๆ องค์กรต้องตั้งเป้าตอบโจทย์ผู้ถือหุ้น ตอบความฝันขององค์กร ตอบคู่แข่งขันในตลาด ตอบกระแสโลกก่อน โดยไม่ต้องไปสนใจว่าระบบการประเมินงานประจำปีจะเป็นอย่างไร
เมื่อทำระบบการบริหารผลงานเชิงกลยุทธ์เสร็จแล้ว ใช่แล้ว ก็ค่อยมาคิดต่อว่าจะนำไปเชื่อมต่อกับระบบการประเมินผลงานประจำปีได้อย่างไร ถ้าคนในปฏิเสธทั้งเป้าและผลตอบแทน ก็เอาเป้านั้นไปตั้งบริษัทใหม่ ไปให้คนนอกทำ ไปหา partner ทำก็ได้ คนในก็ทำไปตามงานประจำ ผลตอบแทนก็ได้แค่นั้น
นี่คือจุดหนึ่งที่ผมคิดว่าถ้าเราอยากจะทำให้องค์กรเปลี่ยนจากการบริหารงานประจำไปสู่การบริหารงานเชิงกลยุทธ์ องค์กรต้องทำระบบการบริหารงานกลยุทธ์จริงๆขึ้นมาอีกหนึ่งชั้นที่ไม่ใช่ระบบการประเมินผลงานประจำปีที่เริ่มต้นที่กำหนดเป้าหมายองค์กรกันตามปกติประเพณีปฏิบัติ
ณรงค์วิทย์ แสนทอง
#StrategicPerformanceConsultant
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น