มารู้จัก KPI กันดีกว่า
SPM - 06
#KPIsยังใช้ได้อยู่ไหม?
................................
คำว่า KPI = Key Performance Indicator
หมายถึง ตัวชี้วัดผลงานหลัก
ทำไมต้องมีตัวชี้วัดผลงานหลัก
เหตุผลก็เพราะว่าในการบริหารงาน
ในการทำงาน มีตัวชี้วัดผลงานเยอะมาก
มากจนไม่รู้จะโฟกัสเรื่องไหนก่อนหลัง
ตัวชี้วัดมากเกินกว่าทรัพยากรที่มี
ถ้าต้องให้ความสำคัญทุกข้อ
ผลที่ได้คือ #ไม่มีข้อไหนดีสักข้อ
ที่สำคัญคือถ้าองค์กรบอกว่า
ทุกเรื่องสำคัญหมดในทุกๆปี
เวลาแต่ละหน่วยงานเลือก KPIs ขึ้นมา
ก็บอกไม่ได้ว่าใช่หรือไม่ใช่
และถ้าแต่ละหน่วยงานเลือก KPIs
ไม่สัมพันธ์กันก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ดังนั้น การที่องค์กรเลือก KPIs
ระดับองค์กรมา 3-7 ข้อ
หรือไม่เกิน 10 ข้อในแต่ละปี
ที่เรียกกันว่า Corporate KPIs
ก็จะช่วยให้สะดวกต่อการกระจาย
KPIs ระดับองค์กรสู่ KPIs หน่วยงาน
และ KPIs ของทีมงาน
KPIs จริงๆแล้วมันคือ Balanced Scorecard
ฉบับย่อ ที่ละเรื่อง
ปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จ
(Critical Success Factor)
วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์
(Strategic Objective)
ออกไปเหลือไว้แค่ Strategic Measures
หรือคือ KPIs นั่นเอง
ส่วนการจัดทำแผนงานรองรับ
การกระจายเป้าหมายองค์กรลงสู่หน่วยงาน
และลงสู่ตำแหน่งงานก็เหมือนๆกัน
#ข้อดีของKPIs
- เข้าใจง่ายกว่าเครื่องมือยี่ห้ออื่นๆ
- ตัวชี้วัดหลักชัดเจน
- จำนวนหัวข้อ 3-7 ข้อยืดหยุ่นได้
- ใช้ได้กับทุกองค์กร
#ข้อจำกัด
- ไม่มีระบบที่เป็นกระบวนการชัดเจนเหมือน Balanced Scorecard ที่มี Template มีแนวทาง แบบฟอร์มตัวอย่างชัดเจนตั้งแต่ Vision ถึง Action
- ระบบการเชื่อมโยงข้ามสายงาน ตำแหน่งงานยังมีปัญหาอุปสรรคอยู่บ้าง เพราะการจัดโครงสร้างองค์กรยังเป็นแบบ Functions ตามวิชาชีพ มากกว่าเป็นไปตาม Business Unit
- บางองค์กรนำเอาไปใช้แบบผิดๆแล้วมาโทษว่า KPIs ไม่ดี หาเรื่องจะเปลี่ยนระบบใหม่อยู่เรื่อย พอมีอะไรใหม่ๆก็อยากจะทิ้ง KPIs ไปหาระบบใหม่ ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าระบบใหม่แตกต่างจาก KPIs มากน้อยแค่ไหน
#KPIsยังใช้ได้อยู่หรือไม่?
คำตอบคือ #ยังใช้ได้
แต่จะใช้ได้ดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับ
- สถานการณ์ของแต่ละองค์กร
- ลักษณะการดำเนินธุรกิจ วัฒนธรรมองค์กร
- การพัฒนาต่อยอดเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
เพราะหลายองค์กรเรียกชื่อระบบว่า KPIs ก็จริง
แต่ระบบภายใน KPIs ได้พัฒนาไปเยอะมาก
ณรงค์วิทย์ แสนทอง
#StrategicPerformanceConsultant
#KPIsยังใช้ได้อยู่ไหม?
................................
คำว่า KPI = Key Performance Indicator
หมายถึง ตัวชี้วัดผลงานหลัก
ทำไมต้องมีตัวชี้วัดผลงานหลัก
เหตุผลก็เพราะว่าในการบริหารงาน
ในการทำงาน มีตัวชี้วัดผลงานเยอะมาก
มากจนไม่รู้จะโฟกัสเรื่องไหนก่อนหลัง
ตัวชี้วัดมากเกินกว่าทรัพยากรที่มี
ถ้าต้องให้ความสำคัญทุกข้อ
ผลที่ได้คือ #ไม่มีข้อไหนดีสักข้อ
ที่สำคัญคือถ้าองค์กรบอกว่า
ทุกเรื่องสำคัญหมดในทุกๆปี
เวลาแต่ละหน่วยงานเลือก KPIs ขึ้นมา
ก็บอกไม่ได้ว่าใช่หรือไม่ใช่
และถ้าแต่ละหน่วยงานเลือก KPIs
ไม่สัมพันธ์กันก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ดังนั้น การที่องค์กรเลือก KPIs
ระดับองค์กรมา 3-7 ข้อ
หรือไม่เกิน 10 ข้อในแต่ละปี
ที่เรียกกันว่า Corporate KPIs
ก็จะช่วยให้สะดวกต่อการกระจาย
KPIs ระดับองค์กรสู่ KPIs หน่วยงาน
และ KPIs ของทีมงาน
KPIs จริงๆแล้วมันคือ Balanced Scorecard
ฉบับย่อ ที่ละเรื่อง
ปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จ
(Critical Success Factor)
วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์
(Strategic Objective)
ออกไปเหลือไว้แค่ Strategic Measures
หรือคือ KPIs นั่นเอง
ส่วนการจัดทำแผนงานรองรับ
การกระจายเป้าหมายองค์กรลงสู่หน่วยงาน
และลงสู่ตำแหน่งงานก็เหมือนๆกัน
#ข้อดีของKPIs
- เข้าใจง่ายกว่าเครื่องมือยี่ห้ออื่นๆ
- ตัวชี้วัดหลักชัดเจน
- จำนวนหัวข้อ 3-7 ข้อยืดหยุ่นได้
- ใช้ได้กับทุกองค์กร
#ข้อจำกัด
- ไม่มีระบบที่เป็นกระบวนการชัดเจนเหมือน Balanced Scorecard ที่มี Template มีแนวทาง แบบฟอร์มตัวอย่างชัดเจนตั้งแต่ Vision ถึง Action
- ระบบการเชื่อมโยงข้ามสายงาน ตำแหน่งงานยังมีปัญหาอุปสรรคอยู่บ้าง เพราะการจัดโครงสร้างองค์กรยังเป็นแบบ Functions ตามวิชาชีพ มากกว่าเป็นไปตาม Business Unit
- บางองค์กรนำเอาไปใช้แบบผิดๆแล้วมาโทษว่า KPIs ไม่ดี หาเรื่องจะเปลี่ยนระบบใหม่อยู่เรื่อย พอมีอะไรใหม่ๆก็อยากจะทิ้ง KPIs ไปหาระบบใหม่ ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าระบบใหม่แตกต่างจาก KPIs มากน้อยแค่ไหน
#KPIsยังใช้ได้อยู่หรือไม่?
คำตอบคือ #ยังใช้ได้
แต่จะใช้ได้ดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับ
- สถานการณ์ของแต่ละองค์กร
- ลักษณะการดำเนินธุรกิจ วัฒนธรรมองค์กร
- การพัฒนาต่อยอดเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
เพราะหลายองค์กรเรียกชื่อระบบว่า KPIs ก็จริง
แต่ระบบภายใน KPIs ได้พัฒนาไปเยอะมาก
ณรงค์วิทย์ แสนทอง
#StrategicPerformanceConsultant
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น